Tesla Autopilot 2023 คืออะไร ไม่ต้องซื้อ EAP ใช้งานได้ไหม

Tesla Autopilot เป็นหนึ่งในรถที่มีความสามารถช่วยเหลือในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ทันสมัยมากที่สุดยี่ห้อนึง สำหรับเมืองไทยเรานั้น Tesla ได้มีให้ใช้ระบบ Autopilot อยู่สองแบบคือแบบฟรี ที่ติดมากับรถทุกคันทุกรุ่น ส่วนอีกแบบนึงคือ Enhance Autopilot ที่สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 120,000 บาทนั่นเอง วันนี้เราจะมาดูว่าตัวฟรีติดรถว่ามันทำงานเป็นยังไง และโอเคไหม พร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ

autopilot

ความแตกต่างระหว่าง Tesla Autopilot และแบรนด์รถยนต์อื่น ๆ

ในช่วงแรกที่ Tesla Autopilot เริ่มเข้ามาในตลาดรถยนต์นั้น ได้พกพาเอา Hardware ที่ทรงประสิทธิภาพมาใช้งานด้วย ซึ่งมันทำให้ค่ายรถคู่แข่งอื่น ๆ ต้องเร่งปรับตัวตามและเริ่มใช้ระบบที่ชื่อว่า Mobileye EyeQ ที่เป็นระบบเดียวกันกับ Tesla ที่ใช้กับ Autopilot มาในช่วงปี 2016 ก่อนที่ปัจจุบันพัฒนาใช้ของตนเอง

Mobileye EyeQ3 ถูกใช้โดย GM ภายใต้ชื่อ Super Cruise , Nissan ภายใต้ชื่อ ProPilot และ Volvo ภายใต้ชื่อ Pilot Assist โดยทาง Super Cruise ของ GM นั้นดูจะมีความสามารถที่ใกล้เคียงกับ Tesla Autopilot มากที่สุด มันสามารถที่จะใช้ในถนนที่มีการตีเส้นจราจรชัดเจนได้

ในปี 2019 Mobileye ก็เข้าใกล้ Tesla Autopilot เข้าไปอีก ด้วยมันเริ่มมีฟีเจอร์ Automatic Lane Change แล้ว ซึ่งตอนนั้นมันมาใน BMW X5 2019 ตัว Top  แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดที่กระตือรือร้นในพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองได้มากเท่ากับ Tesla และติดตั้ง Hardware ประสิทธิภาพสูงให้กับรถทุกคัน ซึ่งมันทำให้หลายคนที่ซื้อรถไปแล้วต่างตั้งตารอคอยซอฟต์แวร์ใหม่แต่ละรุ่นอย่างมีความหวังนั่นเองครับ

Tesla มาพร้อม Over-the-air software updates

Tesla นั้นเข้ามา Disrupted ผู้ผลิตรถเจ้าเดิม ๆ อย่างหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้ Hardware ดี ๆ ให้กับรถทุกคันที่ขายในตลาด ไม่เกียงว่าลูกค้าจะซื้อ EAP หรือ FSD เพิ่มหรือไม่ รถทุกคันจะได้ใช้ Hardware ตัวเดียวกันหมด โดย Tesla ยังมีการขายฟีเจอร์เหล่านี้ ให้ลูกค้าซื้อเพิ่มได้หลังจากที่ซื้อรถไปแล้วอีกด้วย

นอกเหนือจากนั้น Tesla ยังมี Over-the-air software updates มีการปรับปรุงพัฒนา และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าไปในรถที่ตัวเองขายไปแล้ว ซึ่งมันทำให้รถ Tesla ไม่ต่างอะไรกับ Smart Phone รุ่นใหม่ ๆ

ซึ่งแน่นอนว่า มันทำให้ Tesla สามารถอัพเกรดความสามารถของ Autopilot ได้ ยิ่งมีคนขับเยอะ มีการเก็บ Stat มีการทำการ improvement ก็ยิ่งมีความสามารถที่ดีขึ้น

Tesla camera 2023

Tesla Autopilot คืออะไร

ในนิยามของ Tesla Autopilot หมายถึงการขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่รวมถึง Standard  autopilot ที่มีมากับรถทุกคัน รวมไปถึง Enhance Autopilot และ Full Self-Driving package ที่ต้องซื้อเพิ่ม

Hardware

อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่า Tesla นั้นได้เปรียบคู่แข่งหลาย ๆ เจ้าในด้านของ Hardware ที่ช่วยในการขับขี่ ทุกวันนี้รถทุกคันที่ขายออกไป ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม EAP, FSD หรือไม่เพิ่มเติมสักอย่าง ทุกคันก็จะได้รับ Hardware เหมือนกัน (ในรุ่นและปีเดียวกัน) ซึ่งมันพร้อมที่จะ Support ระบบขับขี่อัตโนมัติแบบ FSD ที่เป็นขั้นสุดของ Tesla

Elon Musk ได้กล่าวไว้ว่า รถ Tesla นั้นขับขี่อัตโนมัติโดยอาศัยกล้อง, ultrasonic sensor และ Radar ด้านหน้าเป็นหลัก โดย Elon เชื่อว่าแค่สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอทำให้ระบบขับขี่รถแบบอัตโนมัตินั้นพร้อมใช้งานแล้ว

Tesla Autopilot นั้นประกอบไปด้วยกล้อง 8 ตัว ที่สามารถให้ภาพ 360 องศารอบ ๆ รถได้ บวกกับ Front-Facing radar สามารถทำให้ระบบ autopilot ใช้งานได้ทุกสภาพวะ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ฝนตก หมอกลง หรือหิมะตก ก็สามารถใช้งานได้

มากไปกว่านั้นรถทุกคันยังมี ระบบ Computing อันทรงพลังที่ผลิตโดยบริษัทการ์ดจอยักษ์ใหญ่อย่าง NVIDIA ที่คอยโปรเซสข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ใช้ AI, Neural nets และ Machine learning ในการคำนวนและตอบสนองแบบ Real-time

Autopilot Hardware version

Hardware Release Year Common Names
AP1 2014 AP1, Hardware 1, Autopilot 1, Mobileye Autopilot
AP2 2016 AP2, Hardware 2, Autopilot 2
AP2.5 2017 AP2.5, Hardware 2.5, Autopilot 2.5
AP3 2019 AP3, Hardware 3, Full Self-Driving (FSD) Computer
AP4 2023 AP4, Hardware 4, FSD 2

ต้องบอกว่าปัจจุบัน Tesla นั้นมาถึง AP3 แล้ว นะครับ ซึ่งเป็น Hardware version ที่ 3 มาพร้อมกับ FSD แล้ว โดยมันเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเป็นการประกาศออกมาว่า Tesla ได้พัฒนาระบบ Hardware ของตัวเอง โดยแทนที่ NVIDIA DRIVE PX2 ที่ใช้อยู่ก่อนหน้า ซึ่งมันทำให้ Tesla สามารถเพิ่มความแรงมากว่าเดิมถึง 10 เท่า และต้นทุนก็ถูกลงกว่าจ้าง 3rd parties อีกด้วย

tesla autopilot 2023

Tesla Autopilot มีอะไรบ้าง

Telsa นั้นจะมี Autopilot อยู่ 3 เทียร์นะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • Autopilot พื้นฐาน: จะมาพร้อมกับ Full Stop-and-Go adaptive cruise control และ Auto Steering นั่นเองครับ โดยมันจะมาในรถทุกคันที่ Tesla ขาย
  • Enhance Autopilot (EAP) : จะเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมจาก Autopilot สิ่งที่เพิ่มเติมมาจะเป็น Auto lane change, smart summon, และ Auto park โดยราคาในไทย จะเพิ่มอยู่ที่ 120,000 บาท ครับ
  • Full Self-Driving (FSD) : ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้บริการในไทย นะครับ โดยมันจะเป็นขั้นกว่าของ EAP มีความสามารถในการขับขี่ในสถานที่ที่มีจราจรแน่นหนา สามารถที่จะวิ่งโดยใช้ Cruise control และ Auto Steer ในสภาวะในเมืองไทย

สามารถของ Autopilot พื้นฐาน

Autopilot พื้นฐาน เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2 ซึ่งผู้ขับขี่ยังต้องให้ความสนใจ และสามารถที่จะ Take Over ได้ตลอดเวลา

คีย์ฟีเจอร์หลักของ Autopilot พื้นฐานประกอบไปด้วย

  • Automated Cruise Control (ACC or TACC)
  • Automated Sterring (Level 2), ทำงานคู่กับ ACC
  • Stop-And-Go

Adaptive Cruise Control with Stop & Go

เหมือน ๆ กับรถหลายค่ายหลายยี่ห้อในปัจจุบันที่ตัวท้อปได้ถูกนำฟีเจอร์นี้ติดตั้งมาให้เรียบร้อย มันเป็นระบบที่รถเราจะทำการเร่งหรือลดความเร็วตามคันข้างหน้า และสามารถปรับระยะความห่างได้ และเมื่อรถติดจนจอดสนิทแล้วมีการเคลื่อนที่อีกรอบ รถของเราก็จะออกตัวได้โดยที่คนไม่จำเป็นต้องทำอะไร หรือระบบ Stop & Go นั่นเอง

วิธีใช้งาน :

สำหรับ Model 3 และ Model จะใช้ก้านด้านขวาในการกด 2 ครั้งติดกันเพื่อใช้งานครับ

Autosteer (with Cruise Control) การทำงาน

auto steer

สำหรับ Autosteer นั้นจะทำงานร่วมกับ Traffic-Aware Cruise Control (TACC) ซึ่งจะทำให้รถ Tesla นั้นอยู่ตรงกลางเลน มันสามารถทำงานได้ทั้งทางพิเศษ มอเตอร์เวย์ วงแหวน และรวมไปถึงถนนรอบเมืองทั่วไป เช่น ศรีนครินทร์ บางนาตราด ราชพฤกษ์ ก็พอได้ ตราบใดที่รถสามารถที่จะ Detect เลน และ การเข้าออกเลนของรถคันอื่น ๆ ครับ อย่างไรก็ตาม มันยัง Require คนในการจับพวงมาลัยอยู่ดีครับ ระบบนี้ถือว่าเป็น Autonomous Level 2

Auto steer 2

และเมื่อไหร่ก็ตามถ้าเราไม่ได้เอามือจับพวงมาลัยมาสักระยะหนึ่ง รถจะสามารถ Detect ได้ และเตือนให้เรากลับไปขยับพวงมาลัย เพื่อใช้งาน Autosteer ต่อนั่นเองครับ

ข้อจำกัดของ Autopilot พื้นฐาน

  • การใช้ Autosteer ควรจะใช้แค่ในทางที่มีการจราจรไม่ข้ามไปข้ามมา ใช้ในสภาวะรถติดได้ แต่ไม่ควรใช้กับถนนที่มีรถมอเตอร์ไซต์เยอะ ๆ ครับ มันจะทำให้ระบบมีการเบรกจนอาจจะทำให้รถคันข้างหลังพุ่งเข้ามาชนตูดได้
  • มือต้องอยู่กับพวงมาลัยตลอด เนื่องด้วยระบบยังเป็นแค่ Autonomous Level 2 จึงทำให้เราต้องเอามือมาจับไว้ตลอดอยู่ครับ ก็เป็นอีกข้อจำกัดนึง

เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ

ก็ต้องบอกว่า Tesla นั้นมาพร้อมกับกล้อง 8 ตัว และระบบ AI ที่สามารถช่วยให้รถสามารถควบคุมความหลากหลายของจราจรได้ดีกว่า เช่นเราเปิด Auto Steer + TAA อยู่ และมีรถตัดหน้า ระบบจะทำการคิดไว้ล่วงหน้า ไม่ทำให้เบรกรุนแรงจนเกินไป การรักษาระยะให้รถอยู่ตรงกลางเลน ก็ทำได้ดีกว่ารถที่ไม่มีกล้องด้านข้างครับ

บทสรุป Tesla Autopilot 2023 คืออะไร ไม่ต้องซื้อ EAP ใช้งานได้ไหม

โดยรวมก็ต้องบอกกันตามตรงว่า ไม่ซื้อก็ใช้งานได้ เพราะ EAP จะได้ Auto Lane Change, Smart Summon และ Auto Park กับราคากว่า 120,000 บาท ก็ต้องบอกว่าราคามันเพิ่มไปอีกพอสมควร ใครใช้ประจำก็น่าจะคุ้มค่าครับ แต่สำหรับใครที่มีงบจำกัด การเพิ่ม 120,000 บาท ก็อาจจะเป็นอะไรที่เกินความจำเป็นไปหน่อย เน้นไปเพิ่มสเปครถอาจจะดีกว่าครับ

แต่สำหรับใครที่ใช้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจอดในที่แคบ ๆ ที่ Smart Summon จะช่วยได้ดี ก็แนะนำให้ซื้อครับ เพราะจะได้ Auto Lane change เพิ่มเข้ามา จาก Autonomous Level 2 ก็จะ Move สู่ Autonomous Level 3 ครับ อย่างไรก็ตามเพื่อน ๆ ลองพิจารณากันดูนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม autopilotreview

 

Daddy

Daddy