สวัสดีครับ วันนี้อยู่กับ Daddy-Gadget กับบทความรีวิว Tesla Model 3 ที่คาดว่าจะยาวที่สุดตั้งแต่ทำเว็บไซต์มา เพราะมันมีเนื้อหารายละเอียดและ Detail มากมายครับ กับการเดินทางของผมกับเจ้า Tesla Model 3 เป็นเวลากว่า 10 เดือน กับระยะทางกว่า 30,000km ขึ้นเหนือสุดไปจนถึงบ้านรักไทย จะเป็นยังไงบ้างนั้น เดี๋ยวเราไปดูกันเลยครับ
Tesla Model 3 RWD สเปครถที่ใช้ปัจจุบัน
ขนาดและมิติ
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,695mm x 2,088mm x 1,445mm
- Wheelbase : 2,875 มม.
- Ground Clearance : 140 มม.
- ความจุเก็บสัมภาระ : 649 ลิตร
- น้ำหนัก : 1,765 กก.
ประสิทธิภาพและการควบคุม
- กำลังสูงสุด : 283 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด : 420 นิวตันเมตร
- อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง : 6.1 วินาที
- ระยะวิ่งสูงสุด : 559 km NEDC Mode
- ประเภทแบตเตอรี่ : LFP
- ความจุแบตเตอรี่ : 57.5 kWh
- ระบบกันสะเทือนด้านหน้า : อิสระแบบ double wishbone พร้อม coil spring/telescopic damper และ sway bar
- ระบบกันสะเทือนด้านหลัง : อิสระแบบ multi-link พร้อม coil spring/telescopic damper
- ระบบเบรก : ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) 4 ล้อพร้อมระบบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมการทรงตัวขั้นสูงในตัว และระบบการเบรกรีเจนเนอเรทีฟที่กระตุ้นด้วยคันเร่งไฟฟ้า
- ล้ออัลลอย : 18 นิ้ว
- ขนาดยาง : 235/45 R18
ระบบการชาร์จ
- หัวชาร์จแบบ AC : Type 2 (11 kW)
- หัวชาร์จแบบ DC : CCS2 (170 kW)
สเปคเต็ม : Tesla
Tesla Model 3 เส้นทางการเดินทางตลอด 30,000 km
ภาพรวมการขับขี่
ตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนที่ผมใช้รถมา เราได้มีการวิ่งใช้งานไปกว่า 30,000 km โดยภาคเหนือไปไกลสุดถึงแม่ฮ่องสอน ภาคกลางตอนบนไปไกลสุดที่เขาค้อ ภาคตะวันออกไปไกลสุดที่จันทบุรี และภาคใต้ไปไกลสุดที่หัวหินครับ
ต้องบอกว่าทางบ้านเราใช้รถเยอะมากครับ ตกเฉลี่ยเดือนล่ะ 3,000km ได้ ซึ่งถ้าถัวเฉลี่ยแล้ว ในเมืองจะวิ่งสัก 65% และต่างจังหวัดอีก 35% ครับ
ทางผมมีซื้อ App Tessie มาเพิ่ม เพื่อ Track behavior การขับขี่ของตัวเอง อีกทั้งยังเก็บเป็น memory ดี ๆ จากเจ้า Tesla Model 3 RWD คันนี้ด้วยครับ มันสามารถเก็บว่าเราไปไหนมาบ้าง point ออกมาเป็น Map มีการวิเคราะห์ต่าง ๆ มีเก็บ Stat การขับขี่และการชาร์จ ไว้ผมจะทำรีวิวตัว App แยกอีกที
- ระยะทาง : 28,262 km
- ใช้พลังงานไปทั้งหมด : 3,940.3 kWh
- ค่าใช้ไฟฟ้าชาร์จทั้งหมด : 14,776.20 (ฟรี Supercharger 10,000km แรก)
- ประหยัดค่าน้ำมันไปได้ทั้งหมด : 111,350 บาท (เดิมทีใช้ Mazda CX-30 ขับในเมืองสลับนอกเมือง บริโภคน้ำมันตกกิโลเมตรล่ะ 3.5 – 4 บาทครับ)
- Efficiency หรืออัตราประหยัดไฟเฉลี่ย : 139Wh/km
- Max speed : 215 km/h
- ระยะเวลาการขับขี่ติดต่อกันนานสุด : 3 ชั่วโมง 40 นาที (กรุงเทพ – กำแพงเพชร)
ไฮไลท์ทริป 1 : กรุงเทพ – เขาค้อ
หลังจากได้รับรถเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน เราก็พยายามไปเที่ยวใกล้ ๆ ก่อนเพื่อความคุ้นเคยในการใช้รถครับ ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี พัทยา ระยองครับ และพอถึงเดือนพฤศจิกายน เราก็ไปเที่ยวเขาค้อ กับการเดินทางไกล ไป-กลับกว่า 1000km
- ชาร์จไฟครั้งแรกที่ไม่ใช่ Tesla Supercharger : นี่เป็นระยะทางแรกนะครับที่เราไม่สามารถขับรถไปถึงจุดหมายได้โดยไม่ชาร์จระหว่างทางครับ เราก็เลยใช้บริการของ Elexa สาขาวิเชียรบุรี ใช้เวลาชาร์จทั้งสิ้น 46 นาที จาก 34% – 100% ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 316 บาท
- ชาร์จไฟครั้งแรกที่ Destination Charger : ที่เราไปพักที่พักเขาค้อนั้นชื่อว่า De Capoc Resort ทางโรงแรมจะมีบริการ Destination Charger แบบ 1 หัวชาร์จ หัวจ่ายแบบ A/C ค่าใช้จ่ายวันละ 150 บาท สะดวกสบายมาก ระหว่างที่เราพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ก็ปล่อยให้รถมันชาร์จไปครับ หมดคืน ก็ได้กลับมาเต็ม 100% พร้อมเที่ยวต่อได้
- ทางลงเขาได้ Regenerate Battery เต็ม ๆ : ปกติก่อนซื้อรถเราก็ศึกษามามากประมาณนึงครับ แต่ก็ยังไม่ได้ประสบพบเจอ Regenerate Battery จริง ๆ จนไปทริปเขาค้อ ขากลับเราต้องลงจากเขาค้อ ซึ่งเป็นเส้นทางลงเขา และแน่นอนว่าเราได้แบตเตอรี่กลับมาแบบเห็นได้ชัด จุดนี้ต้องบอกว่ามันเป็นการใช้พลังงานกลับมาสร้างพลังงานอีกที เยี่ยม !
ไฮไลท์ทริป 2 : กรุงเทพ – เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน
ถัดจากทริปเชียงใหม่ไม่เท่าไหร่ เราก็ไปต่อกันที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และบ้านรักไทยครับ นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมขับรถขึ้นเหนือ ก้ต้องบอกว่าสนุกมากครับ เราเดินทางไปกว่า 2000km กับค่าไฟแค่ 2,000 บาทเท่านั้นเอง โดยรวมก็ต้องบอกว่าแฮปปี้มาก ๆ
- ไปช่วงเทศกาลหัวชาร์จ Supercharge ที่กำแพงเพชรยังไม่เปิด : ก็เป็นครั้งแรก ที่เราต้องไปรอคิวคนอื่นครับ ช่วงที่ผมไป Supercharger ที่กำแพงเพชรนั้นยังไม่เปิดใช้บริการ ก็เหมือนเดิมใช้ Elex แต่ด้วยเป็นช่วงเทศกาล คนจะเยอะหน่อย
- Destination Charger แบบหัวปลั๊กไฟบ้าน : เป็นปลั๊กให้เสียบแบบ AC ทั่วไป ไฟบ้าน 220v ก็วิ่งอยู่ที่ 3kW ที่ 13A ครับ ไปถึงบ่าย 2 ผมก็ชาร์จยาวไปชนถึงเช้า บ้านรักไทยเราไม่ได้ใช้รถอยู่แล้ว สามารถเดินเล่นชิว ๆ รอบหมู่บ้านได้เลยครับ
- เข้าฟาร์มวัดความเตี้ย Groud Clearance 140 มม สรุปขูด… : ก็ด้วยความที่เราอยากจะลองพาลูกเข้าไปดูสัตว์ครับ เลยพาเข้าไปข้างในฟาร์ม ปรากฏว่ามีอยู่จุดนึง เราโดนขูดใต้ท้องรถไปหน่อย ใจเสียววาป .. แต่หลังจากสำรวจแล้ว ไม่เป็นไรครับ ยังเอาอยู่
ภาพรวมการขับขี่ก็ต้องบอกว่า เราไปทุกสภาพถนน เดินทางไกล เดินทางใกล้ รถติด รถไม่ติด มีที่ชาร์จอย่างดี มี Supercharger จนไปถึงขอโรงแรมเสียบปลั๊กไฟแล้วให้เค้าคิดค่าชาร์จรายวัน โดยรวมก็ต้องบอกว่าดีครับ
Tesla Model 3 การขับขี่และความสะดวกสบายในการเดินทาง
อย่างที่บอกไปครับว่า ทางผมใช้รถในการเดินทางหลากหลาย มีทางไกลบ้าง อาจจะไม่ได้ออกทุกสัปดาห์ แต่ถ้าออก ก็อาจจะไปไกลนิดนึงครับ ส่วนใหญ่จะทำงานในเมือง ขับในเมือง รถก็จะติด ๆ หน่อย เพราะฉะนั้นก็จะสามารถเปรียบเทียบได้ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือนอกเมือง และ ถ้าพูดถึงการขับขี่แล้วนั้น ผมขอแบ่งมันออกเป็นหลาย ๆ หมวดหมู่ดังนี้ครับ
อัตราเร่งและการทำความเร็ว
- 0-100 km/h ผมใช้มันค่อนข้างบ่อย ปกติเป็นคนเท้าหนัก เคยลองจับเวลา Tesla Model 3 RWD ทำได้ตามที่สเปคบอกมาจริง ๆ อยู่ที่ราว ๆ 6 วินาทีครับ
- 0-100 km/h ว่าแรงแล้ว เจอ 100-200 km/h มันช่างน่าตื่นเต้นกว่าครับ แรงเหลือเฟือ นี่ขนาด Single Motor ถ้าเป็น Dual Motor คงจะแรงกว่านี้เยอะ
- ขึ้นเขาไม่มีอาการรอรอบเครื่อง เพราะแรงบิดมหาศาลมันมารอเราตลอดเวลา ขอแค่กด…
ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว
- เมื่อเทียบกับ SUV อย่าง Tesla Model Y ที่ผมไปลองขับ Test Drive มา ก็ต้องบอกว่า Tesla Model 3 นั้นจะมีความนิ่มนวลกว่า
- แข็งแรงกว่าตัว Highland และเสียงดังกว่าตัว Highland ใครที่ชอบขับสปอร์ต ๆ เจ้า Model 3 legacy รุ่นผมก็จะตอบโจทย์กว่า Highland model 3 ตัวใหม่ครับ
- ส่วนระบบพวงมาลัย มีให้เราเลือก 3 mode คือ
- Comfort เบามาก ขับในเมืองจะเหมาะ
- Normal เบาอยู่ดีครับ แต่จะให้ความมั่นคงกว่า Mode Comfort หน่อยนึง
- Sport ถือว่าหนักเลย แต่ก็แลกมาด้วยความมั่นใจในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง
- การเกาะถนน เทาที่ผมทดสอบรถมาหลาย ๆ รุ่น Model 3 จะเทียบได้กับ C Class C350e กับ BMW 330e ก็ต้องบอกตามตรงว่า Model 3 ยังไม่ถึงเจ้า 2 รุ่นนี้ แต่ถ้าเทียบกับ D segment เมื่อไทย ถ้าตัดเจ้าสองคันบนออก Tesla Model 3 ก็ตามมาครับ
อัตราสิ้นเปลือง ระยะทางและการชาร์จ
- อย่างที่เห็นใน Stat ของ Tessie ด้านบนว่าผมขับได้ Efficiency อยู่แถว ๆ 99% ที่ 139 Wh/km ครับ ก็ถือว่าประหยัดมาก ตกค่าไฟ กม ละ 0.6 บาท
- เคยวิ่งได้ไกลสุด 434 km เหลืออีก 10% จาก เพชรบูรณ์ ถึง Tesla service center รามคำแหง ถือว่าปลื้มมากกกก
- การไปออกทริป ไม่ว่าจะไปเชียงใหม่ ไปแม่ฮ่องสอน ไปเพชรบูรณ์ ไประยอง ไปจันทบุรี ทางผม ไม่มีความลำบากในการหาที่ชาร์จแบตเลยครับ ทุกอย่างมันก็พร้อมหมด ถ้าไม่เจอ Supercharge ก็แค่เข้าของ Third parties อย่างของผมจะนิยมเข้า Elex ครับ เน้นชาร์จไฟไวไว้ก่อน
ฟังเพลงก็เพราะ แถม มี Youtube ดูระหว่างรถจอด
- นอกจากประสิทธิภาพของตัวรถ การขับขี่ที่โดดเด่นแล้ว ยังมี Media Entertainment ที่ดีไม่แพ้กันครับ โดยอย่างที่ทุกคนทราบดีว่า Tesla มันมี Youtube, Netflix, Games มาให้เราดู มาให้เราเล่นระหว่างรถจอด ซึ่งมันทำได้จริง ๆ ครับ เช่น
- ตอนชาร์จ Supercharger ถ้าผมไปคนเดียว ผมก็จะเปิด Youtube ดูเรื่องราวที่ชอบ
- ถ้าผมไปกับเด็ก ๆ ตอนรถชาร์จ Supercharger ก็แค่หยิบ Joy Stick ขึ้นมาให้เด็ก ๆ เล่นรอ
- ลำโพงรุ่นเริ่มต้นจะเป็นแบบ Partial Premium sound ครับ มันจะมีลำโพงน้อยกว่าตัว Dual Motor และไม่มีตู้ซับ แค่สำหรับผม ผมว่ามันก็ยังฟังเพลงได้ดีมากอยู่แล้วครับ ใครที่ต้องการซับมาเสริม มันอาจจะดีในแง่ของการดูหนังนั่นเองครับ ฟังเพลงทั่ว ๆ ไป ลำโพง RWD เหลือ ๆ แล้ว
Tesla Model 3 Autopilot, Sentry Mode, Cabin Protection และ Camp mode
ถัดมาที่เรื่องของ Autopilot, Sentry Mode, Cabin Protection และ Camp Mode กันบ้างครับ ทั้งหมดนี้ผมใช้ครบทั้งหมด และก็เป็นอะไรที่ผมชอบมาก และมันทำให้ชีวิตเราง่ายมากขึ้นจริง ๆ ครับ แต่ละอย่างจะดียังไง เราไปชมกันเลยครับ
Autopilot
อาจจะใช้ในถนนที่มีรถขับขี่ไม่เป็นระเบียบ ในถนนที่มีมอเตอร์ไซต์เยอะ ๆ แต่ถ้านำไปใช้บนถนนอย่างมอเตอร์เวย์ ทางด่วน ทางระหว่างเมืองที่ถนนพร้อม ๆ ผมบอกได้เลยว่า ผมใช้มันจริง ๆ และปลอดภัย ยิ่งตอนดึกที่เราไม่เห็น แต่รถมันยังเห็นทำหน้าที่ให้เราได้ หรือแม้กระทั่งตอนที่ฝนตกหนัก รถก็ยังทำหน้าทีของมันได้ดีครับ
รถ Tesla Model 3 RWD ของผมนั้นจะใช้เป็น Autopilot พื้นฐาน เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2 ซึ่งผู้ขับขี่ยังต้องให้ความสนใจ และสามารถที่จะ Take Over ได้ตลอดเวลา
- Automated Cruise Control & Stop-And-Go
- ทำได้ดีจริง ตอนรถติด ไม่มีเบรกหัวทิ่มเหมือนที่เคยเจอในรถญี่ปุ่น
- Automated Sterring (Level 2), เวลาเลี้ยวทำได้เนียน ไม่มีความตกใจแต่อย่างไรครับ ทำได้ดี
Sentry Mode
Sentry Mode เป็นระบบรักษาความปลอดภัยให้รถ Tesla ระหว่างจอด โดยเราสามารถดูแบบ Live ได้ผ่าน Mobile Application อีกทั้งรถยังเลือกอัดวีดีโอเป็นราย Event เวลาที่มีรถหรือวัตถุต้องสงสัยเข้ามาใกล้รถของเราเวลาจอดอยู่ครับ ผมก็จะเปิดในเวลาที่จอดอยู่ในที่มืดและเปลี่ยว
- ใช้ได้มีประโยชน์ เวลาจอดรถที่น่ากลัว
- กินแบตเตอรี่มากเวลาเปิดไว้ แต่มีข่าวว่า Tesla กำลังอัพเดต Software ให้รถกินแบตน้อยลงจากฟีเจอร์นี้
Cabin Protection
เป็นฟีเจอร์ที่เอาไว้ปกป้องรถของเราเวลาจอดกลางแดดหรือจอดในที่ที่มีอุณหภูมิสูงและเวลารถตรวจจับได้ว่า หากภายในรถของเรามีอุณหภูมิเกินเกณฑ์ที่กำหนด ระบบรักษาอุณหภูมิก็จะเริ่มทำงานโดยทันที โดยเราสามารถเซ็ตได้ว่าจะเปิด A/C ไหม แล้วถ้าเปิด A/C จะให้มันทำงานปกป้องภายในห้องโดยสามารถไม่ให้เกินค่าที่กำหนด โดยมีค่าตั้งแต่ 30 องศา, 35 องศา และ 40 องศา นั่นเอง
- เป็นอีกฟีเจอร์ที่ชอบมาก มีประโยชน์ในเมืองร้อนจริง ๆ
- แต่ฟีเจอร์นี้เป็นอะไรที่กินแบตเตอรี่มากจนเกินความจำเป็นครับ ถ้าไม่ได้ร้อนจริง ๆ ผมก็จะไม่ได้เปิด
Camp mode
Tesla Model 3 ถ้าจะให้นอน Camping ในรถ ผมคงไม่อยากลองครับ ถ้าให้นอนผมยอมนอนโรงแรมดีกว่า เพราะมันมีคานด้านหลังบังไว้อีกทีนึงครับ ไม่ได้เป็น Fast back แบบ Tesla Model Y แต่สิ่งที่ผมใช้ส่วนใหญ่คือใช้นั่งทำงาน ระหว่างรอแฟนและลูก ๆ ทำธุระครับ
การใช้ Camp mode จะแตกต่างจากการใช้ Dog mode และ Keep climate mode ตามตารางด้านบน
- ใช้งานง่าย สะดวก แอร์เย็นตลอดเวลา
- แต่การทำงานในที่โล่งแจ้ง แดดแรง แม้ตัวเราจะเย็น แต่หัวเราอาจจะร้อนจากแสงแดดและหลังคากระจกครับ
Tesla Model 3 Home Charging, Tesla Superchargers และ Third Parties
Home Charging
ทางผมไม่ได้ติด Wall Connector ของทาง Tesla ครับ เพราะคิดว่าการใช้ Mobile Charger ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งมันก็เพียงพอจริง ๆ ที่บ้านผมสามารถชาร์จได้ราว ๆ 3kW 50% จะใช้เวลาราว 12 ชั่วโมง
- ยังคงสะดวกรวดเร็วแม้ไม่ติด Wall Connector
- แต่ถ้าเอาจบ ติด Wall Connnector จะจบกว่า ความเร็วในการชาร์จวิ่งแถว ๆ 11 kW ครับ
Tesla Supercharger
ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ช่วงแรกที่ออกรถมาจะได้ใช้ฟรีครับ ซึ่งก็เต็มแทบตลอด แต่ตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นมา Tesla เริ่มเก็บเงิน ความหนาแน่นก็ลดน้อยลงครับ สิ่งที่ชอบมากคือ สเตปการใช้งาน Supercharger คือแค่ไปถึง -> จอดรถ -> เสียบสายชาร์จ -> รถเริ่มชาร์จ พอชาร์จเสร็จก็ ถอดสายชาร์จ -> ขับออกไปได้เลย ในขณะที่ App จะทำการตัดเงินจากเครดิตของเราออโต้นั่นเองครับ
- เร็ว แรง ไฟวิ่งแรงสุด 170kW สำหรับรุ่น RWD
- ชาร์จหลายคัน ไม่มีการดึง load กัน ไฟยังจ่ายให้เยอะอยู่
- ขั้นตอนใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
- ราคาเริ่มถูกลง
- สถานีเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
Third Parties
เวลาที่ผมเดินทางไปต่างจังหวัด บางจังหวัดไม่สามารถหา Supercharger ได้ หรือ โรงแรมที่เราพัก ไม่มี Destination Charger ก็ต้องหันไปมองหาเจ้าอื่นในการชาร์จ ซึ่งเวลาผมไปต่างจังหว่ะ จะใช้บริการของ Elex เป็นส่วนใหญ่ครับ
การใช้งานนั้นก็ง่ายไม่แพ้กัน คือจอดรถ -> เสียบปลั๊ก -> Scan QR -> เริ่มชาร์จ พอชาร์จเสร็จก็แค่ดึงปลั๊กออก เคลื่อนรถไปที่อื่น แล้วค่อยชำระค่าบริการทีหลังหรือตอนนนั้นเลยก็ได้ครับ
- เวลาชาร์จกับ Third Parties เวลาไปต่างจังหวัด จะเน้นชาร์จแรงมากกว่าราคา
- เน้นหาที่ชาร์จง่าย ขั้นตอนน้อย
Tesla Model 3 เทคโนโลยี Touch Screen กลาง, Mobile Application
Tesla Touchscreen
Tesla สามารถทำ Touchscreen กลางออกมาได้ดีพอ ๆ กับ iPad เลยทีเดียวมันให้ feeling ทั้งในเรื่องของคุณภาพจอที่คมชัด กราฟิกต่าง ๆ ที่ดูแพง แถมความสามารถในการ Touch ก็ไม่ได้มีอาการช้า มันรวดเร็วดีมาก
- ใช้ไปไม่นานก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอุปสรรคอะไรในการใช้งาน
- รู้สึกได้ว่าทุกอย่างในรถมันเป็น digital ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟเลี้ยว ความเร็ว การปรับอุณหภูมิ ข้อมูลทุกอย่างคงพร้อมให้ Full self driving ทำงานได้อย่างสบายครับ
- และอย่างที่บอกไปว่า มันไม่ใช่การแค่ควบคุมรถ แต่มันยังมี Infotainment อย่าง Youtube, Netflix, Games ต่าง ๆ มากมาย แถมยังมี Web browser ให้เปิดใช้งานอีกด้วย
โดยรวม Tesla ทำจอกลางออกมาได้เหนือชั้นมาก และผมเชื่อว่า Tesla ยังคงนำเจ้าอื่น ๆ ไปอีกสักพัก คล้ายกับที่ iOS ยังนำห่าง Android ไปอีกสักพัก
Tesla Model 3 การเกิดอุบัติเหตุ ยางแตก
Tesla ยางแตก
ต้องบอกว่าเป็นคราวซวยจริง ๆ ครับ เพราะว่าเพิ่งจะขับรถมาได้แค่ 10000km ในตอนนั้น ยางก็แตกแล้ว โดยมันโดนเศษเหล็กบาดเข้าไปลึก เป็นแผลใหญ่จนไม่สามารถที่จะปะได้ครับ นั่นเป็นที่มาว่าทำไมถึงขั้นต้องขึ้นรถสไลด์กันเลยทีเดียว
- ยางที่ศูนย์ราคาเส้นละ 9,000 บาท ความยากอยู่ตรงที่ต้องเอารถขึ้นรถสไลด์ไปที่ศูนย์รามคำแหง
- ประกันแถมอย่าง LMG ไม่สามารถเครมได้สักบาท
- ยางข้างนอกเปลี่ยนได้ แต่ต้องดู load ดี ๆ เพราะรถ EV หนักกว่ารถทั่วไป
- จอกลางเตือนไว เตือนแม่นยำ
บทสรุป Tesla Model 3 รีวิว 30000km + แรง + เซฟน้ำมันแล้ว 100,000฿
ก็ต้องบอกว่ากว่า 3000km ที่ผ่านมากับระยะเวลาแค่ 10 เดือน เจ้า Tesla Model 3 RWD มันทำให้ผมมีความสุขในการขับรถทุก ๆ วันครับ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ดีมาก เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ มันคือรถที่เกินคำว่าปัจจุบันไปแล้ว
สำหรับคำว่า EV อาจจะดูว่าเป็นสเตปนึงในอนาคต แต่สำหรับ Tesla มันเลยคำว่า EV ไปแล้ว มันคือ Autonomous car ที่มีความสามารถที่ดี จนถึงตอนนี้ ใครที่ยังสับสน หรือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อดีไหม ทาง Daddy-Gadget ก็ขอบอกเลยว่าซื้อเลยครับ มันคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประหยัด ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย เราสามารถได้มันครบในราคาเท่านี้ !!