iOS 18 กับฟีเจอร์ใหม่ เน้น AI และรุ่นที่รองรับ XS ได้ไปต่อ

สัปดาห์หน้าแล้วนะครับ สำหรับ iOS 18 ที่จะปล่อยให้ผู้ใช้งาน iPhone ได้อัพเดตกัน โดยรอบนี้จะเป็นเวอร์ชั่นที่หลายคนจะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการนำ AI มา integration ด้วยหลายอย่าง จะเป็นยังไงบ้าง เราไปดูกันครับ

ios18 concept

เราคาดหวังอะไรกับ iOS 18 ได้บ้าง

แน่นอนว่ายุคนี้ AI นั้นกำลังเป็นเทรนที่เข้ามาในอุตสาหกรรมทุกอย่างทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ยิ่ง software ที่ยุคนี้เข้ามาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Microsoft ล้วนแล้วแต่ไปใช้ AI technilogies มากขึ้น หลายคนก็คาดว่านี่จะเป็น “First milestone” หรือหมุดหมายแรก ที่ทาง Apple จะใช้ AI เข้ามา integrate กับ iOS และผลิตภัฑณ์ตัวเองมากขึ้น และแน่นอนว่าเราหวังกับ iOS 18 ที่มาพร้อม integration กับ AI ได้เลยครับ

iOS 18 ปล่อยเมื่อไหร่

iOS 18 จะมีกำหนดเปิดตัวในงาน WWDC 2024 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 10 มิถุนายนนี้ หรือ วันพรุ่งนี้นั่นเองครับ และ first beta จะปล่อยให้ดาวน์โหลดกันวันที่ 10 เช่นกัน ส่วน public beta จะปล่อยมาในเดือน July 2024 และจะตามมาด้วย เปิดใหม่ทุกโหลดดาวน์โหลดแบบสาธารณะราว ๆ เดือน กันยายน 2024 นี้ครับ

นี่เป็นลิสที่ iOS รุ่นก่อนหน้าเปิดตัวออกมาครับ

  • iOS 17: มิถุนายน 17, 2023
  • iOS 16: มิถุนายน 12, 2022
  • iOS 15: มิถุนายน 20, 2021
  • iOS 14: มิถุนายน 16, 2020
  • iOS 13: มิถุนายน 19, 2019
  • iOS 12: มิถุนายน 17, 2018

iOS 18 กับรุ่นที่รองรับ

เป็นหนึ่งในคำถามใหญ่ ๆ ว่า iOS รุ่นใหม่นี้ มี Device อะไรรองรับบ้าง ?

  • iPhone 15
  • iPhone 15 Plus
  • iPhone 15 Pro
  • iPhone 15 Pro Max
  • iPhone 14
  • iPhone 14 Plus
  • iPhone 14 Pro
  • iPhone 14 Pro Max
  • iPhone 13
  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max
  • iPhone 12
  • iPhone 12 mini
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone SE (2nd generation)
  • iPhone SE (3rd generation)

ก็ต้องบอกว่า Apple นั้นยังปล่อยให้ iPhone รุ่นเก่า ๆ สามารถอัพเดต iOS 18 ใหม่นี้ได้ จริง ๆ ตรงนี้มันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างว่า Hardware performance ของ Apple iPhone รุ่นสมัยเมื่อปี 2018 กับ AI ในปี 2024 นี้นั่นสามารถเข้ากันได้โดยไม่ได้มี limitation เรื่อง performance แต่อย่างใด

iOS 18 ฟีเจอร์ใหม่ต่าง ๆ

1. พื้นฐานบน AI

มีการกล่าวของ CEO Tim Cook ที่เคยบอกว่า  AI Feature ของ Apple นั้นจะมาในปีนี้ โดยเราได้ใช้ความพยายามทั้งหมด รวมไปถึงทรัพยากรมากมายในการใช้ AI Technology โดยมันเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจและจะเปิดตัวภายในปีนี้

สิ่งที่ Apple จะใช้ AI Technology มาช่วย ประกอบไปด้วย

  • การใช้ AI ในการปรับปรุง SIRI ใหม่ให้มีความฉลาดมากขึ้น ใช้ประโยชน์ของ AI มากขึ้นด้วย Large Language Model Technology เป็นการปรับปรุงคุณภาพ SIRI อย่างมีนัยยะสำคัญ
  • การใช้ AI ทำให้ Messages app สามารถ แต่งประโยคคำถาม หรือ แม้กระทั้งช่วยทำประโยคให้สมบูรณ์ได้อย่าง auto
  • เพิ่มความสามารถในการรวบรวม message ขาเข้า, การแจ้งเตือนต่าง ๆ , Safari webpages, email และอื่น ๆ
  • เพิ่มความสามารถในการแนะนำ การตอบกลับ email แบบทั้งฉบับแทนผู้ใช้งาน
  • เพิ่มฟีเจอร์ในการ auto generate apple music playlist ตามเพลงที่ฟังประจำ
  • ใช้งาน AI ร่วมกับ iWork, Keynote และ Page
  • เพิ่ม Generative AI สำหรับ การเขียน Xcode ให้ developer ใช้เขียน Application ได้รวดเร็วขึ้น
  • ฟีเจอร์ใหม่หลักใน Photo app อย่างให้ user สามารถปรับปรุงรูปภาพ, ลบรูปคน หรือวัตถุอื่น ๆ ภายในรูปได้อย่างง่ายดาย
  • ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Voice memo ที่ AI จะช่วยทำ transcript สำหรับ audio files ให้อัตโนมัติ
  • ฟีเจอร์ในการ auto generate emoji ได้อย่างที่เราต้องการ ตามสิ่งที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ลงไปได้

เรียกได้ว่ามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากครับ สำหรับการนำเอา Generative AI เข้ามาช่วยให้ iOS มันน่าใช้เพิ่มขึ้นไปอีก

2. OpenAI partnership

การที่ Apple นั้นมี Deal กับทาง OpenAI จะเป็นการนำ ChatGPT มาใช้งานแบบ custom ตามสไตล์ของ Apple ตอนนี้ยังไม่ได้มีรายละเอียดอะไรหลุดออกมาเยอะครับ รู้เพียงแต่ว่า Apple จะมีการใช้ Larg language model ในการทำเรื่องของ voice to text และ text to voice แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าปลายทางของ Apple คือการทำ Model ของตัวเองขึ้นมา

3. RCS support

iphone android rcs

ถัดมาเป็นอะไรที่ surprise มากที่เมืองนอกครับ กับการที่ Apple นั้นจะใช้ RCS โดยมันเป็น communication service ที่จะทำให้ iPhone และ Android user สามารถคุยกันด้วยด้วย messager สไตล์ที่คล้าย ๆ กับ iMessage จริง ๆ สำหรับผมมันเป็นข้อดีครับ แต่สิ่งที่สื่อเมืองนอกมองว่า surprise น่าจะเป็นเรื่องที่ Apple ยอมมาใช้ RCS มากกว่าที่จะยึดมั่นใน iMessage ของตัวเอง

4. New Password app

หลังจาก 2FA มามีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ การใช้ Password authenticator app ก็แพร่หลายไปในทุกที่ครับ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะทำให้ Apple นั้นตั้งใจมาทำ Password app ออกมาให้ผู้ใช้ iPhone ใช้งานได้อย่างสะดวก

5. New customization option

ios 18 icon layout

Apple นั้นได้ปล่อย Home screen widget ออกมาตั้งแต่ iOS 14 หรือกว่า 4 ปีมาแล้วนะครับ ที่เราสามารถ customize หน้าจอ iPhone ได้ตามชอบ สำหรับ iOS 18 นี้ ก็ถึงเวลาที่ทาง Apple จะมีการปรับปรุงเจ้าฟีเจอร์ customize หน้าจอให้มีประสิทธิภาพและประโยชน์มากขึ้นครับ แว่ว ๆ ว่าสิ่งที่ทำได้แน่นอนก็คือการเปลี่ยนสีของ Icon app นั่นเอง

6. Apple Maps อัพเดต

อีกหนึ่งที่เป็นการปรับปรุงในทุก iOS ก็ถือ Apple Maps อย่างที่ทุกคนเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ยังจะใช้ Google Maps อย่างไรก้ตาม Apple Maps ที่อเมริกาเอง ก็มีคนใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และอัพเดตรอบนี้ก็เป็นการทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะออกแบบ route การเดินทางของตัวเองได้

7. Setting ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ปี 2007

Setting เป็นอีกสิ่งที่ Apple ไม่เคยไปแตะต้องอะไรมันมากนัก นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมาครับ iOS 18 นี้จะเป็นการ revamp ใหม่หมด จัดเรียงใหม่ หาเมนูได้ง่ายขึ้น นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยครับ

8. Control Center redesign ใหม่

Control center ก็เป็นคล้าย ๆ Shortcut ให้การเข้าถึงได้ง่าย customize ได้ ล่าสุดนี้จะมีการปรับปรุงให้ Control Center มีมากกว่า 1 หน้าได้แล้ว และแน่นอนว่ามันจะมีการ integrate กับ AI เข้ามาร่วมอีกด้วยครับ

บทสรุป : iOS 18 กับฟีเจอร์ใหม่ เน้น AI และรุ่นที่รองรับ XS ได้ไปต่อ

ก็ต้องบอกว่า มันเป็นการอัพเดตที่ผมตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจมาก มันอาจจะไม่ได้เป็นเชิงการอัพเดตแบบ UI หรือ ทุกคนจะเห็นมันง่าย ๆ แต่มันเป็นการใช้ AI มา Integrate งานหลังบ้านจนถึงหน้าบ้านนิด ๆ คนทั่วไปอาจจะเห็นได้ชัดในเรื่องของ Photo app ที่มีฟีเจอร์ให้ใช้งานมากขึ้น มี Setting แบบใหม่ แต่ด้านหลังยังมีอะไรมากกว่านั้น

อีกนึงที่ทำให้ผม surprise คงเป็นปล่อยอัพเดตไปให้ถึง iPhone รุ่นปี 2018 ยังคงไปต่อได้ หรือถ้านับปีก็ 6 ปีแล้ว แต่ก็ยังให้ใช้ได้ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ซื้อใจลูกค้าได้ดีครับ

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูเวอร์ชั่นจริง ผมอยากเห็นเหมือนกันว่าบริษัทอย่าง Apple จะนำ AI Technology มาขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ดีขนาดไหนกันครับ ยังไงคงต้องรอดูของจริง

ขอบคุณข้อมูลจาก : 9to5mac

Daddy

Daddy