รีวิว JR Pass นั่ง Shinkansen เที่ยว Tokyo – Osaka – Nagano

JR Pass หรือย่อมาจาก Japan Rail Pass เป็นตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่าย โดยสามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟด่วน Limited Express, รถไฟความเร็วสูง Shinkansen แถมยังครอบคลุมไปถึง รถบัสและเรืออีกด้วย วันนี้ Daddy Gadget จะพาไปดูรีวิวการใช้ JR Pass แบบ All Area เดินทางเที่ยว Tokyo – Osaka – Nagano กันครับ

JR Pass มีกี่ประเภท ราคาเท่าไหร่บ้าง

jr map

JR group

JR Pass จะเป็นตั๋วที่รวม Group JR ไว้ที่ใบเดียวกัน แต่จะแยกเป็นภูมิภาคหลัก ๆ ได้อีก 6 ภูมิภาค ประกอบไปด้วย

  1. JR TOKYO Wide Pass
  2. JR EAST Pass (Tohoku area)
  3. JR EAST Pass (Nagano, Niigata area)
  4. JR WEST Rail Pass
  5. JR Hokkaido Rail Pass
  6. JR FLEX Japan Tourist Pass
  7. JR Shikoku Rail Pass
  8. JR Kyushu Rail Pass
  9. JR Rail Pass All Area

โดยในแต่ละภูมิภาคก็จะมีตั๋วที่แยกย่อยเส้นทางลงไปอีก เราสามารถเลือกประเภทตั๋วตามแผนการเดินทางที่เราอยากจะไปเที่ยวได้เลยครับ ทำให้สามารถเดินทางได้ในราคาที่ถูกลง หรือสำหรับใครที่เลือกดูตั๋วประเภทต่างๆแล้วแต่ไม่มีตั๋วที่ตรงใจ ทางญี่ปุ่นก็มีตั๋วแบบพิเศษคือ  JR Rail Pass All Area ที่ใช้เดินทางได้ทั่วประเทศเลยครับ ส่วนราคาก็จะแรงขึ้นมาใช้ได้อยู่เหมือนกันครับ

ในการเลือกซื้อตั๋ว JR Pass ทาง Daddy Gadget ก็แนะนำให้ดูตามโซน/ภูมิภาคที่จะไปเที่ยว แล้วเลือกตั๋วที่มีเส้นทางครอบคลุมที่เที่ยวที่เราจะไป รวมถึงเลือกจำนวนวันที่จะไปครับ เพราะราคาก็จะขึ้นอยู่กับเส้นทางและจำนวนวันที่จะใช้ด้วยครับ

นอกจากนี้ การซื้อตั๋วยังมีการแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 ประเภทด้วย คือ Ordinary และ Green car ความแตกต่างเท่าที่ผมทราบคือ ที่นั่งแบบ Green car จะกว้างกว่า เงียบสงบ ปูพรมที่พื้นทั้งตู้รถไฟ พูดง่ายๆคือ เป็นเหมือนที่นั่ง Business Class นั่นเองครับ แน่นอน พวกผมต้องเลือก Ordinary ครับ ราคาถูกกว่าหลายบาทอยู่ครับ 555

หากใครก็ตามที่อยากลองเทียบค่าใช้จ่ายดูว่าควรซื้อตั๋วแบบไหนหรือใช้ตั๋วตอนช่วงการเดินทางไหนบ้าง สำหรับพวกผมใช้วิธีเทียบราคา Shinkansen แบบซื้อตั๋วราคาปกติเทียบทุกเส้นทางที่เราจะไปเที่ยวครับ อย่างของผมถ้าเทียบราคาแล้ว ผมนั่ง Shinkansen ทั้งทริปทั้งหมด 4 รอบถือว่าคุ้มค่าตั๋วแล้วครับ แถมตอนที่พวกผมขึ้นรถไฟ JR ทั่วไปแค่ไม่กี่สถานีในช่วงเวลาที่ตั๋วยังใช้ได้อยู่ พวกผมก็ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วรถไฟเพิ่มครับ สามารถใช้ตั๋ว JR Rail Pass All Area เดินทางได้เลยครับ คุ้ม!

JR Pass All Area

เดินทางกับ JR Pass All Area 

ล่าสุดที่ผมไป เราซื้อ Pass แบบ JR Pass All Area โดยมันเป็น Pass ที่สามารถเดินทางทั่วประเทศญี่ปุ่นได้แบบเหมา ๆ ด้วยจำนวน 7 วันด้วยกัน

ราคา :

  • 7 วัน  ผู้ใหญ่ 7,764 บาท เด็ก 3,881 บาท

  • 14 วัน ผู้ใหญ่ 12,373 บาท เด็ก 6,185 บาท

  • 21 วัน ผู้ใหญ่ 15,830 บาท เด็ก 7,914 บาท

ถามว่าเหตุผลทำไมเราถึงเลือกซื้อ JR Pass แบบ All Area ก็เพราะว่าตารางเที่ยวของเรานั้น จะเริ่มจากขึ้นเครื่องไปลง Tokyo จากนั้นเดินทางไป Osaka จากนั้นกลับมาที่ Tokyo เพื่อเดินทางต่อไป Nagano นั่นเองครับ

JR Pass

Route 1 : Tokyo -> Osaka

เส้นทางแรกเราเดินทางจาก Tokyo ไป Osaka นะครับ ระยะทางอยู่ที่ 500 km โดยประมาณ ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 53 นาที ครับ รายละเอียดและบรรยากาศเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวผมพาไปดูกันครับ

JR pass 1

How to use Japan Rail Pass

เริ่มจากตอนที่เราจองที่นั่งในสถานี ทางสถานีก็จะบอกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ตั๋ว JR Pass ทั้งหมดนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าทำออกมาให้เห็นภาพได้ชัดเจนดีครับ รายละเอียดประกอบไปด้วย

สิ่งที่ทำได้

  • สามารถใช้ Bullet Train ได้ (ยกเว้น Nozomi และ Mizuho train)
  • สามารถใช้กับ JR Express Train ได้
  • สามารถใช้กับ Local JR Train ได้ทั้งหมด
  • ใช้นั่งเรือ Ferry ไปเกาะ Miyashima ได้

สิ่งที่ทำไม่ได้

  • ห้ามขึ้น Nozomi และ Mizuho train
  • ห้ามขึ้น Subway และ Private Lines (เพราะว่าเป็นของคนละบริษัทกันนะครับ)

วิธีใช้

  • สอดบัตรเข้าไปใน Gate ทางเข้าได้เลย
  • และอย่าลืมเก็บบัตรไปด้วย

Ordinary Pass

  • Non reserve seat จะเป็นแบบ First come First serve มาก่อนได้ก่อนนั่นเอง
  • Reserve seat สามารถจองที่นั่งได้เหมือนกันครับ แต่ก็จะได้ที่นั่งเท่ากับจำนวนตั๋วนั่นเอง           (เด็กทารก – เด็ก 6 ขวบนั่งฟรีถ้านั่งเก้าอี้เดียวกับผู้ใหญ่นะครับ ถ้าอยากให้นั่งสบายๆต้องจ่ายเงินจองที่นั่งเพิ่มขึ้นครับ ส่วนค่าตั๋วรถไฟเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบขึ้นฟรีอยู่แล้วครับ)

คำเตือน

  • ถ้า Pass หาย หรือ โดนขโมย ต้องซื้อใหม่อย่างเดียว

Ueno Nagano

Reserve ที่นั่งก่อนออกเดินทาง

เราหาตั๋วขาไปไม่เจอครับ เลยขออนุญาติใช้ตั๋วขาไปนากาโนะแทน สำหรับขาไปเราไปตอนเที่ยงครับ ก็ใช้วิธีจองที่นั่งตั้งแต่วันก่อนออกเดินทาง 1 วัน เราเดินทางข้ามจังหวัดไปพักที่ Osaka ก็จะมีกระเป๋าเดินทางด้วย ใครพกกระเป๋าไป เราก็แนะนำให้จองที่นั่งที่วางกระเป๋าขนาดใหญ่ (ขนาดกว้าง+ยาว+สูงเกิน160ซม.ขึ้นไป) ได้ด้วยครับ จะสะดวกมากกว่า

ที่วางกระเป๋าทั้งขบวน 16 ตู้ จะมีที่ให้วางอยู่ไม่กี่จุดครับ คือด้านหน้าสุดของขบวนและหลังสุดของขบวนครับ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงจองก่อนล่วงหน้า 1 วันไว้เผื่อๆครับ เพราะบางเวลาที่นั่งที่วางกระเป๋าขนาดใหญ่ได้จะเต็มครับ อาจต้องเลื่อนเวลาการเดินทางออกไปหรือเดินทางเร็วขึ้นครับ หรือหากใครที่ไม่ได้ใช้กระเป๋าเดินทางใหญ่มาก คุณสามารถวางกระเป๋าไว้บนชั้นวางด้านบนหัวของที่นั่งตัวเองได้ หรือวางไว้ตรงระหว่างขาตนเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องตำแหน่งที่นั่งครับ จองที่นั่งนั่งตรงไหนก็ได้ครับ

JR pass 2

เดินทางไป Tokyo Station ขึ้น Shinkansen

ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเราในทริปนี้ครับ ได้เดินทางจากที่พักในย่าน Asakusa ไปยังสถานีโตเกียวเพื่อเตรียมตัวขึ้น Shinkansen ไปยัง Osaka ครับ ระบบระเบียบของที่ญี่ปุ่นนั้นทำได้ดีมาก สถานีก็ดูใหม่มาก และที่สำคัญนี่เป็น Main station ที่มีขนาดใหญ่โตและสำคัญมาก ๆ สำหรับประเทศญี่ปุ่นครับ

จุดเด่นของสถานีโตเกียวที่เป็นคล้าย ๆ Landmark นั่นก็คือตึกแดงครับ แต่… เราไม่ได้ไป เพราะมาถึงสถานีก็ใกล้ถึงเวลาที่รถไฟจะออกแล้ว ก็ได้แต่รีบวิ่งไปหาซื้อเบนโตะครับ (ใครที่หาที่ซื้อเบนโตะไม่เจอ บนชานชาลามีขายนะครับ แต่เป็นร้านเล็กๆมีอาหารให้เลือกอาจจะไม่มากครับ) รอบหน้าถ้าได้มีโอกาสมาที่สถานีโตเกียวอีก เราจะไปเก็บภาพตึกแดงมาฝากครับ

JR pass 3

ก่อนขึ้นรถไฟ ก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกครับ สำหรับรถไฟที่เรานั่ง จะเป็น Shinkansen HIKARI 506 ใช้รถไฟแบบ N700A series วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 300 km/h ส่วนความเร็วเฉลี่ย อยู่ที่ 270 km/h ครับ

ส่วนขนาดนั้นใหญ่โตมาก เพราะมันมีตู้รถไฟมากถึง 16 ตู้ เรียกได้ว่าสามารถขนคนในการเดินทางได้อย่างมากมายเลยครับ เด็ก ๆ ก็ชอบกันมากครับ ในไทยเราผมเองก็ยังไม่ได้พาลูก ๆ ไปขึ้น BTS & MRT เท่าไหร่ เพราะมันไม่ค่อยเหมาะกับการเดินทางด้วยรถเข็นเด็กจริง ๆ ครับ แต่ที่ญี่ปุ่นมันเป็นตรงข้ามกันประเทศเค้า เราสามารถพาเด็ก ๆ พร้อมรถเข็นไปเที่ยวได้ทุกที่เลยครับ พร้อมอำนวยความสะดวกให้เราเที่ยวได้จริง ๆ

JR pass 4

Shinkansen Bento ที่ห้ามพลาด

ระหว่างทางแน่นอนว่า คนที่ขึ้น Shinkansen ต้องซื้อมากินเกือบทั้งหมดกับ Bento สำหรับผมก็ประกอบไปด้วย Bento + Asahi ครับ กินไปนั่งดูวิวไป ส่วนลูก ๆ ก็หลับหลังจากที่รถไฟวิ่งออกมานอก Tokyo ได้ไม่นาน ต้องบอกว่า ส่วนตัวผมชอบมากครับ มันเงียบสงบและได้ดูบรรยากาศข้าง ๆ ทางระหว่างทางไป Osaka เราได้เห็นบ้านเมืองเค้าที่พัฒนาไปทั่ว ก็เป็นมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิตได้ดีเลยครับ

JR pass 5

ช่วงที่เราไปก็เป็นช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่น เดือนกุมภาพันธ์ เดือนที่ขึ้นชื่อว่าหนาวที่สุดในประเทศ วันไปเราไม่ได้เจอหิมะที่โตเกียวครับ แต่ระหว่างทางไปโอซาก้า เราจะเห็นอยู่ตามทางครับ กว่า 3 ชั่วโมงที่วิ่งผ่านภูเขาน้อยใหญ่ บางภูเขาก็ปกคลุมไปด้วยหิมะ สวยงามอย่างกับอยู่ประเทศทางยุโรปเลยครับ

JR pass 1 2

นั่งมาซักพัก พอเห็นเจดีย์นี้ก็เป็นอันต้องเตรียมตัว เพราะเราเดินทางมาถึง Kyoto แล้ว อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถไฟก็จะไปจอดที่ Shin-Osaka station ครับ

JR pass 1 3

ถึง Osaka แล้ว !

สุดท้ายเราก็มาถึง Osaka อย่างปลอดภัยครับ คืนแรกก็พักผ่อนตามสบาย ส่วนวันที่สองก็เริ่มทะยอยเที่ยวตามจุด Landmark ของ Osaka ครับ มีไป Kaiyukan, Kobe และ Kyoto เด็ก ๆ ก็ดูแฮปปี้กับเมืองนี้ดีครับ

เตรียมเดินทางกลับ Tokyo

หลังจากอยู่ Osaka กว่า 3 คืน เราก็เตรียมเดินทางกลับไปยังโตเกียวครับ โดยรถไฟที่เรานั่ง ยังคงเป็น Hikari 506 เหมือนเดิม ขากลับใช้เวลาน้อยกว่าขามาเล็กน้อยครับ กับเวลาราว ๆ 2 ชั่วโมง 53 นาที

Fuji 1

บรรยากาศระหว่างทาง Osaka – Tokyo

ขากลับจาก Osaka ไปยัง Tokyo เราค่อนข้างโชคดีครับ ได้เจอ Fuji-san ในทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ขาดไปอย่างเดียวคือไม่ได้ใส่หมวกขาวเท่านั้นเองครับ บรรยากาศดีมากประทับใจจริง ๆ

Fuji 2 1

พาลูกชายคนเล็กมาดู Fuji-san สักหน่อย

Ueno 1

ถึง Tokyo Ueno แล้ว !

รอบนี้เราย้ายที่พัก ไปพักในย่าน Ueno ครับ เรามาถึงก็เกือบจะมืดแล้วครับ ได้โอกาสก็แวะกินเนื้อที่อยู่ตรงข้ามสถานี Ueno ครับ บรรยากาศจะลึกลับหน่อย แต่รสชาติดีมาก ๆ เลยครับ

โดยรวม Route แรกก็เป็นอะไรที่ประทับใจ ทั้งในเรื่องของการเดินทางที่รวดเร็วโดย Shinkansen ก็บริหารจัดการต่าง ๆ ก็เป็นไปได้อย่างดีครับ JR Pass ก็ใช้ได้คุ้มค่า

—————————

tokyo nagano

Route 2 : Ueno -> Nagano

สำหรับ Route 2 เราเดินทางจาก Tokyo ไป Nagano ครับ ที่พักเราอยู่ในย่าน Ueno อย่างที่บอกไปนะครับ เพราะฉะนั้นรอบนี้เราไม่ได้ไปสถานีโตเกียวครับ เราขึ้นที่สถานี Ueno เลย

และเราไปต่างจังหวังRoute นี้ก็ไม่ได้ค้างคืนครับ ไปเช้าเย็นกลับ แต่อาจจะกลับดึกหน่อยครับ

Ueno Nagano

Reserve ที่นั่งก่อนออกเดินทางเช่นเคย

รอบนี้เราจองตั๋วไปเช้าหน่อยครับ เพราะไปเช้า – เย็นกลับ 9:50 ก็ถึงสถานี Ueno แล้ว ที่นั่งก็เป็นตู้รถท้าย ๆ เหมือนเดิม เราอาจจะไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากมายเหมือนตอนไป Osaka แต่เราก็มีรถเข็นเด็ก 2 คันครับ เลยจองไว้สะดวกกว่า

JR pass 1 1

และแน่นอน ยังไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับรถไฟซะหน่อย รถไฟรอบนี้จะเป็น Asama 607 เป็นรถไฟแบบ N700 Series เหมือนตอนไป Osaka เลยครับ

JR

ก็เป็นอีกมื้อที่เราได้ลองกินเบนโตะบน Shinkansen ครับ รสชาติก็พอใช้ได้ อาจจะเย็นไปหน่อย (ผมลองถามพนักงานว่าอุ่นให้ร้อนได้ไหม พนักงานบอกให้ทานทั้งแบบนั้นเลยครับ ไม่ต้องอุ่นร้อนครับ) แต่รวม ๆ ก็ให้บรรยากาศที่ดีเวลานั่งรถไฟ Shinkansen ครับ

Nagano 1

ถึงแล้ว Nagano

พอมาถึง Nagano Station เราก็เช่ารถเที่ยวครับ ก็ไปทั่วเมือง อยู่ยันเวลา 2 ทุ่ม เพราะเรากลับรอบ 20:27 ครับ

Nagano 1 2

มีไปดูหิมะ ที่ลานสกีด้วยครับ แต่ด้วยเราไม่ได้เตรียมตัวมา ก็เลยไปแวะพักกินข้าวดูบรรยากาศสัมผัสความหนาวเย็นเฉย ๆ ครับ โดยรวม Nagano ก็เป็นจังหวัดที่พวกเราชอบเช่นกันครับ มีโอกาสจะไปอีกแน่นอนครับ

Nagano 1 1

ขากลับรอบนี้จาก Nagano มา Ueno เนื่องจากรถออกรอบ 2 ทุ่ม กว่า ข้างนอกไม่มีได้เห็นอะไรเลยครับ มืดสนิท ก็นั่งเล่นนั่งคุยกับลูก ๆ ไปยาว ๆ 2 ชั่วโมงกว่าจนถึง Ueno และกลับที่พักครับ

JR

บทสรุป รีวิว JR Pass นั่ง Shinkansen เที่ยว Tokyo – Osaka – Nagano

ก็ต้องบอกว่าประทับใจจริง ๆ ครับกับการได้เที่ยวหลายจังหวัดมาก ๆ กับการใช้ JR Pass แบบ All Area จริง ๆ ถ้าใครอยากจะจัด Trip Shinkansen tour ก็ถือว่าไม่เลว บรรยากาศรอบข้างทางนี่ระดับยุโรปเลยครับ สวยงามทั้งธรรมชาติและความเจริญในเมือง

จะเห็นจากรูปด้านบนว่าเราสามารถกระจายเที่ยวได้หลากหลายภูมิภาคเลยครับ แต่ก็มี Trick มาฝากกันว่า ถ้าใครมีแค่ Specific Area ที่อยากจะไปจริง ๆ ก็จะดีกว่า เพราะมันจะทำให้เราสามารถประหยัดค่าตั๋วรถไฟไปได้เยอะเลยครับ หวังว่าบทความเราจะมีประโยชน์กับทุกคนนะครับ ไว้พบกันใหม่ครับ

JR Pass สามารถซื้อได้ที่ : https://www.klook.com/th/japan-rail-jr-pass/?spm=Home.SearchSuggest_LIST&clickId=84e0b75a18

Daddy

Daddy